ด่วน ! Xiaomi 13T ,Xiaomi 13T Pro พบปัญหาฝ้าขึ้นเลนส์กล้อง โดยไม่ทราบสาเหตุ

ต้องยอมรับว่า ณ ตอนนี้ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีการตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่เปิดตัวขายมานี้ เนื่องจากกล้องที่ใช้งานเป็นกล้องแบบ LEICA และชิปที่มีประสิทธิภาพสูง แต่หลังจากที่ทาง Xiaomi ได้เปิดตัวขายไปได้สักพัก ผู้ใช้งานได้พบกับปัญหา Xiaomi ฝ้าขึ้นเลนส์กล้องแบบไม่ทราบสามเหตุว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ปัญหานี้ได้กลายเป็นประเด็นที่กลุ่มผู้ใช้งาน Xiaomi กำลังสนใจอย่างมากในขณะนี้

วิธีการแก้ไขปัญหาของ Xiaomi 13T ,Xiaomi 13T Pro ฝ้าขึ้นเลนส์กล้อง 

ปัญหาฝ้าขึ้นบนเลนส์กล้องอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้นภายนอกที่รวดเร็ว ที่ส่งผลให้ไอน้ำขังอยู่บนเลนส์กล้อง หรืออาจเกิดขึ้นเมื่อคุณย้ายจากสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน สำหรับผู้ใช้งานที่พบปัญหานี้ นี่คือวิธีการจัดการแก้ไขเบื้องต้นดังต่อไปนี้

1. ระวังสภาพแวดล้อม

ระวังในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้นอย่างรวดเร็ว เช่น การเข้าออกจากแอคคอนดิชั่นหรือการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน ระวังเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความชื้นและฝ้าขึ้นบนเลนส์

2. ใช้เคสครองกล้องหรือเคสกันน้ำ

เพื่อป้องกันการเกิดฝ้าและความชื้นบนเลนส์กล้อง คุณสามารถใช้เคสครองกล้องหรือเคสกันน้ำเพิ่มเติม ซึ่งช่วยปกป้องกล้องจากสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง.

3. ระงับการใช้งานกล้อง

หากคุณพบว่าเลนส์กล้องมีฝ้าขึ้น ระงับการใช้งานเพื่อให้เวลาให้กล้องแห้งและฝ้าหายไปเอง ไม่ควรลบฝ้าด้วยมือหรือวัสดุที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากอาจทำให้เลนส์เสีย.

4. ติดต่อศูนย์บริการ Xiaomi

หากปัญหายังคงต่อเนื่อง คุณสามารถติดต่อศูนย์บริการของ Xiaomi หรือร้านซ่อมมือถือที่เชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกล้องมือถือ

อย่างไรก็ตาม ควรระวังและดูแลโทรศัพท์ Xiaomi ของคุณอย่างดีเพื่อป้องกันปัญหาฝ้าขึ้นเลนส์กล้องอย่างที่ได้กล่าวมา และหากมีปัญหาคุณสามารถควบคุมและจัดการได้ด้วยวิธีดังกล่าวค่ะ

มือถือพัง ทำไม..ต้องซ่อมที่ TECH AVENUE (เทคอเวนิว)ถึงดีที่สุด

รวมรุ่นโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมใหม่ล่าสุด

โทรศัพท์มือถือ Xiaomi กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดโลกด้วยความเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและราคาที่คุ้มค่า นี่คือรายการรุ่นโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันมีต่อไปนี้

1.โทรศัพท์ Xiaomi 10

  • Xiaomi Mi 10
  • Xiaomi Mi 10 Pro

2.โทรศัพท์ Xiaomi 11

  • Xiaomi Mi 11
  • Xiaomi Mi 11 Pro
  • Xiaomi Mi 11 Ultra
  • Xiaomi Mi 11i
  • Xiaomi Mi 11 Lite

3.โทรศัพท์ Xiaomi 12

  • Xiaomi Mi 12
  • Xiaomi Mi 12X
  • Xiaomi 12 Pro

4.โทรศัพท์Xiaomi 13

  • Xiaomi 13T
  • Xiaomi 13T Pro

นี่เป็นเพียงรายการย่อยของโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คุณสามารถเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของคุณได้อย่างง่ายดาย โดย Xiaomi ยังคงตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วโลกด้วยสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพและราคาที่คุ้มค่าค่ะ

Tech Avenue ร้านซ่อมมือถือ Xiaomi ที่คุณควรเลือกใช้บริการ

เราเป็นร้านซ่อมมือถือ มีการบริการที่มีคุณภาพและมีความเชี่ยวชาญในการซ่อมโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ทุกอาการเสีย ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปีในวงการนี้ เมื่อคุณเลือกส่งซ่อมที่ Tech Avenue คุณจะได้รับบริการที่ครบวงจรและมีคุณภาพดังต่อไปนี้

  • ร้านซ่อมมือถือ Xiaomi แบบครบวงจร เราสามารถซ่อมโทรศัพท์ Xiaomi ทุกรุ่น ทุกอาการเสีย
  • บริการงานซ่อมโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ 
  • Tech Avenue ตั้งอยู่ในตึกฟอร์จูนทาวน์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
  • และใกล้กับห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างเซ็นทรัลพระรามเก้า, โรบินสันพระรามเก้า, IT City (ฟอร์จูนทาวน์), และ Lotus’s ฟอร์จูนทาวน์
  • เรามีรีวิวที่ดีจากลูกค้าที่ไว้วางใจบริการของเรา
  • คุณสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของเราเพื่อปรึกษาและแก้ไขปัญหากับโทรศัพท์ Xiaomi 
  • เราสามรถให้คำแนะนำและการปรึกษาฟรี เกี่ยวกับโทรศัพท์ Xiaomi ของคุณตลอดเวลาที่เราเปิดทำการ

>> ติดต่อร้านซ่อมมือถือที่ดีที่สุด คลิกเลย

มือถือพัง ทำไม..ต้องซ่อมที่ TECH AVENUE (เทคอเวนิว)ถึงดีที่สุด

ปิดความเห็น บน ด่วน ! Xiaomi 13T ,Xiaomi 13T Pro พบปัญหาฝ้าขึ้นเลนส์กล้อง โดยไม่ทราบสาเหตุ

สาเหตุ สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 เครื่องร้อนแล้วดับเอง และแก้ไขได้ง่ายๆทำอย่างไรมาดู

สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 นับเป็นหนึ่งในรุ่นที่มาพร้อมกับสเปกที่ทันสมัยและความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่บางครั้งผู้ใช้ก็อาจพบกับปัญหามือถือเครื่องร้อนขึ้นและดับเอง โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ ในบทความนี้เราจะสำรวจสาเหตุที่ทำให้สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 เครื่องร้อนแล้วดับเอง และวิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด

สาเหตุ สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 เครื่องร้อนแล้วดับเอง

สาเหตุที่สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 เครื่องร้อนแล้วดับเองอาจเกิดจากหลายสาเหตุต่างๆ ซึ่งอาจรวมถึงเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

1. การใช้งานแอปพลิเคชันหรือเกมอย่างต่อเนื่อง

การใช้งานแอปพลิเคชันหรือเล่นเกมเป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องทำงานอย่างหนัก ซึ่งสามารถทำให้เครื่องร้อนและต้องดับเพื่อระบายความร้อน.

2. ปัญหาจากแอปพลิเคชันหรือระบบปฏิบัติการ

บางครั้งแอปพลิเคชันหรือระบบปฏิบัติการอาจมีข้อผิดพลาดที่ทำให้เครื่องร้อนและดับเอง เช่น การติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่เข้ากันกับรุ่นของ Xiaomi 13

3. การใช้งานในสภาพแวดล้อมร้อน

การใช้งานสมาร์ทโฟนในสภาพแวดล้อมร้อน ๆ อาจทำให้เครื่องร้อนและสะสายตัวเองเพื่อป้องกันการเสียหายจากความร้อน

4. ปัญหาฮาร์ดแวร์

อาจมีปัญหาฮาร์ดแวร์ที่ทำให้เครื่องร้อน ซึ่งอาจต้องใช้การตรวจสอบและซ่อมแซมโดยช่างมืออาชีพ

5. การอัพเดตซอฟต์แวร์

การอัพเดตซอฟต์แวร์ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดอาจทำให้เครื่องมีปัญหา แต่สิ่งนี้มักจะแก้ไขได้โดยการอัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด

6. การเก็บรักษาสมาร์ทโฟนในที่อากาศอับหรือร้อน

การเก็บรักษาสมาร์ทโฟนในที่อากาศอับหรือในกรณีที่อุณหภูมิสูงอาจทำให้เครื่องร้อนและดับเอง

วิธีแก้ไข สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 เครื่องร้อนแล้วดับเอง ง่ายๆ

ในกรณีที่สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 ของคุณมีปัญหาเรื่องความร้อนและการดับเอง ควรลองดำเนินการดังนี้

1.ปิดเครื่อง ให้เครื่องร้อนสักพักและปิดเครื่องเพื่อให้มันระบายความร้อนและเริ่มใช้งานใหม่

2.รีสตาร์ท ลองรีสตาร์ทเครื่องเพื่อรีเซ็ตการทำงานของระบบ

3.ตรวจสอบแอปพลิเคชัน ตรวจสอบว่ามีแอปพลิเคชันใดที่ทำงานอยู่ในพื้นหลังอาจทำให้เครื่องร้อน ให้ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น

4.อัพเดตซอฟต์แวร์ อัพเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดและปรับปรุงความเสถียร.

5.ความร้อนของสภาพแวดล้อม หากใช้งานในสภาพแวดล้อมร้อน ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานในที่อากาศอับอายและให้เครื่องร้อนน้อยลง

หากคุณยังคงพบปัญหาหลังจากลองวิธีข้างต้น แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการ Xiaomi หรือร้านซ่อมมือถือที่เชี่ยวชาญเพื่อการตรวจเช็คเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรากล่าวถึงเป็นวิธีแก้ไขทั่วไปและอาจมีปัญหาที่ร้ายแรงขึ้นเกิดขึ้นบางกรณี ดังนั้นควรระมัดระวังและเฝ้าระวังโทรศัพท์ของคุณอยู่เสมอนะคะ

รวมรุ่นโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมใหม่ล่าสุด

สมาร์ทโฟน Xiaomi ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยคุณภาพที่ดี ราคาที่เหมาะสม และความหลากหลายในรุ่นและคุณสมบัติ ทำให้มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นที่นิยมใหม่ล่าสุดในตลาดโทรศัพท์มือถือ มาดูกันว่าโทรศัพท์มือถือ Xiaomi รุ่นไหนบ้างที่เป็นที่นิยม

1.โทรศัพท์ Xiaomi 10

  • Xiaomi Mi 10
  • Xiaomi Mi 10 Pro

2.โทรศัพท์ Xiaomi 11

  • Xiaomi Mi 11
  • Xiaomi Mi 11 Pro
  • Xiaomi Mi 11 Ultra
  • Xiaomi Mi 11i
  • Xiaomi Mi 11 Lite

3.โทรศัพท์ Xiaomi 12

  • Xiaomi Mi 12
  • Xiaomi Mi 12X
  • Xiaomi 12 Pro

4.โทรศัพท์Xiaomi 13

  • Xiaomi 13T
  • Xiaomi 13T Pro

Xiaomi ยังมีโทรศัพท์รุ่นอื่นๆ อีกมากมายที่คอยรองรับความต้องการของผู้ใช้งานทั่วไปและผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบในการใช้งานมือถือ ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาโทรศัพท์ใหม่ ควรพิจารณาดูรุ่นที่ตรงกับความต้องการของคุณนะคะ

Tech Avenue บริการซ่อมมือถือ Xiaomi โดยทีมงานมืออาชีพ

เมื่อคุณเลือกส่งซ่อมที่ Tech Avenue คุณจะได้รับบริการที่ครบวงจรและมีคุณภาพดังต่อไปนี้:

  • เราพร้อมบริการซ่อมโทรศัพท์ Xiaomi ทุกรุ่นที่คุณใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi 13, Xiaomi 12, หรือรุ่นอื่นๆ
  • บริการงานซ่อมโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี
  • Tech Avenue ตั้งอยู่ในตึกฟอร์จูนทาวน์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
  • และใกล้กับห้างสรรพสินค้าชั้นนำเช่น เซ็นทรัลพระรามเก้า, โรบินสันพระรามเก้า, IT City (ฟอร์จูนทาวน์), และ Lotus’s ฟอร์จูนทาวน์
  • ร้านซ่อมมือถือของเราได้รับความนิยม มีรีวิวที่ดีจากลูกค้าที่ไว้วางใจบริการของเรา
  • Tech Avenue ยินดีให้บริการและปรึกษาฟรีหากคุณมีปัญหากับโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ของคุณ
  • รับประกันความพึงพอใจในบริการของเราอย่างแน่นอนค่ะ

>> ปรึกษาอาการโทรศัพท์มือถือพัง คลิกเลย

ส่งซ่อมมือถือ ง่ายๆผ่าน Grab เริ่มต้นเพียง 35.-

ปิดความเห็น บน สาเหตุ สมาร์ทโฟน Xiaomi 13 เครื่องร้อนแล้วดับเอง และแก้ไขได้ง่ายๆทำอย่างไรมาดู

ทำไม Xiaomi 12 สแกนนิ้วมือไม่ได้ ส่งซ่อมดีไหม แก้ไขด้วยตัวเองได้หรือไม่

Xiaomi 12 เป็นโทรศัพท์มือถือที่มาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบและเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่บางครั้งผู้ใช้อาจพบปัญหาเรื่องการสแกนนิ้วมือที่ไม่ทำงานอย่างถูกต้อง ดังนั้นในบทความนี้เราจะพูดถึงสาเหตุที่เป็นไปได้และวิธีการแก้ไขเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านทุกท่านนะคะ

สาเหตุที่ทำให้ Xiaomi 12 สแกนนิ้วมือไม่ได้

การที่ Xiaomi 12 ไม่สามารถสแกนนิ้วมือได้อาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ ต่อไปนี้คือสาเหตุที่อาจทำให้เกิดปัญหานี้คือ

1. สภาพนิ้วมือไม่เหมาะสม

บางครั้งสแกนนิ้วมืออาจไม่ทำงานถูกต้องเนื่องจากสภาพนิ้วมือไม่เหมาะสม เช่น มือมีความแห้งหรือมีรอยแตก ในกรณีนี้คุณอาจลองทำความสะอาดนิ้วมือและลองใหม่

2. ปัญหาซอฟต์แวร์

การสแกนนิ้วมือขึ้นอาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาในซอฟต์แวร์ของโทรศัพท์ ลองรีสตาร์ทอุปกรณ์หรืออัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อแก้ไขปัญหานี้

3. ความชื้นในสภาพแวดล้อม

การสแกนนิ้วมืออาจไม่ทำงานอย่างถูกต้องในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นมาก เช่น ในวันฝนตกหรือที่มีความชื้นสูง ลองให้นิ้วมือแห้งและลองใหม่

4. ตั้งค่าการสแกน

 ควรตรวจสอบการตั้งค่าการสแกนนิ้วมือในเมนูตั้งค่าของโทรศัพท์ว่าถูกต้องหรือไม่ และแนะนำให้ตั้งค่าใหม่หากจำเป็น

การแก้ไขปัญหา Xiaomi 12 สแกนนิ้วมือไม่ได้ ด้วยตัวเองง่ายๆ

หากคุณพบปัญหาการสแกนนิ้วมือใน Xiaomi 12 คุณสามารถลองแก้ไขด้วยตัวเองได้โดยดังนี้

1.ลองทำความสะอาดนิ้วมือของคุณให้สะอาดและแห้ง แล้วลองสแกนอีกครั้ง

2.ตรวจสอบการตั้งค่าการสแกนนิ้วมือในเมนูตั้งค่าของโทรศัพท์ และแนะนำให้ตั้งค่าใหม่หากจำเป็น

3.รีสตาร์ท (Restart) โทรศัพท์เพื่อรีเซ็ตการทำงานของระบบ

ปัญหาโทรศัพท์ Xiaomi 12 สแกนนิ้วมือไม่ทำงาน อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ปัญหาซอฟต์แวร์ การตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง หรือปัญหาทางฮาร์ดแวร์ ในกรณีที่มีปัญหาที่แก้ไม่ได้ด้วยตัวเอง การส่งซ่อมที่ศูนย์บริการของ Xiaomi หรือร้านซ่อมมือถือ อาจเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้คุณได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และเครื่องมือที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องและรวดเร็วค่ะ

ร้านซ่อมมือถือ วังทองหลาง บริการ รับ - ส่ง ถึงบ้าน

รวมรุ่นโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมใหม่ล่าสุด

เมื่อเราพูดถึงโทรศัพท์มือถือที่มาพร้อมกับความล้ำหน้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัย แทบไม่มีบริษัทใดที่มาเทียบเท่ากับ Xiaomi ในการสร้างโทรศัพท์มือถือที่คุ้มค่าและยอดนิยมในตลาดในปัจจุบัน และในบทนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับรุ่นโทรศัพท์ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับความพิเศษและสเปกที่น่าทึ่ง เราจึงได้รวบรวมรุ่นโทรศัพท์ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมให้คุณได้รู้จักดังนี้

1.โทรศัพท์ Xiaomi 10

  • Xiaomi Mi 10
  • Xiaomi Mi 10 Pro

2.โทรศัพท์ Xiaomi 11

  • Xiaomi Mi 11
  • Xiaomi Mi 11 Pro
  • Xiaomi Mi 11 Ultra
  • Xiaomi Mi 11i
  • Xiaomi Mi 11 Lite

3.โทรศัพท์ Xiaomi 12

  • Xiaomi Mi 12
  • Xiaomi Mi 12X
  • Xiaomi 12 Pro

4.โทรศัพท์Xiaomi 13

  • Xiaomi 13T
  • Xiaomi 13T Pro

ทุกรุ่นที่กล่าวมานี้มาพร้อมกับความคมชัดในการถ่ายรูปและเทคโนโลยีที่ทันสมัย คุณสามารถเลือกโทรศัพท์ Xiaomi ที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของคุณได้อย่างง่ายดาย และแน่นอนว่ายังมีรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจตามความต้องของคุณในอนาคตด้วยอย่างแน่นอนค่ะ

Tech Avenue บริการซ่อมมือถือ Xiaomi โดยทีมงานมืออาชีพ

Tech Avenue เป็นชื่อที่คุณควรจดจำเมื่อคุณมีปัญหากับโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ของคุณ ที่นี่เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปีในการซ่อมและบริการทัชสกรีน Xiaomi ทุกรุ่น ความเชี่ยวชาญของเราที่แท้จริงช่วยให้คุณมั่นใจได้ในการแก้ไขปัญหาที่หลากหลายของโทรศัพท์ของคุณ

เมื่อคุณเลือกส่งซ่อมที่ Tech Avenue คุณจะได้รับบริการที่ครบวงจรและมีคุณภาพดังต่อไปนี้

  • ร้านซ่อมมือถือ Xiaomi แบบครบวงจร
  • บริการงานซ่อมโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และความชำนาญในการแก้ไขปัญหาทุกประเภท
  • Tech Avenue ตั้งอยู่ในตึกฟอร์จูนทาวน์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง 
  • และใกล้กับห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างเซ็นทรัลพระรามเก้า, โรบินสันพระรามเก้า, IT City (ฟอร์จูนทาวน์), และ Lotus’s ฟอร์จูนทาวน์
  • เป็นร้านซ่อมมือถือที่ได้รับความนิยมและเป็นที่นิยมในวงการ และเรามีรีวิวที่ดีจากลูกค้าที่ไว้วางใจบริการของเรา
  • คุณสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อปรึกษา Xiaomi 12 สแกนนิ้วมือไม่ได้ ได้ตลอดเวลาที่ทำการค่ะ

>> ติดต่อร้านซ่อมมือถือที่ดีที่สุด คลิกเลย

ส่งซ่อมมือถือ ง่ายๆผ่าน Grab เริ่มต้นเพียง 35.-

ปิดความเห็น บน ทำไม Xiaomi 12 สแกนนิ้วมือไม่ได้ ส่งซ่อมดีไหม แก้ไขด้วยตัวเองได้หรือไม่

ร้านซ่อมมือถือ Xiaomi 12 เชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมWi-Fi ไม่ได้ ใกล้ฟอร์จูนทาวน์

Xiaomi 12 เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่บางครั้งผู้ใช้งานอาจพบปัญหาเชื่อมต่อ Bluetooth หรือ Wi-Fi ที่ไม่สามารถใช้งานได้ หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหานี้ คุณไม่ต้องเป็นกังวลใจไป ในนบทความนี้เรามีเทคนิคพิเศษเพื่อรับมือกับการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน

วิธีแก้ไขปัญหา Xiaomi 12 เชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมWi-Fi ไม่ได้

หากคุณพบปัญหาเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-Fi ใน Xiaomi 12 ไม่ทำงาน  คุณสามารถลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อแก้ไขปัญหาได้ดังต่อไปนี้

1. รีสตาร์ท (Restart) อุปกรณ์

ในส่วนมากการรีสตาร์ทอุปกรณ์อาจช่วยแก้ไขปัญหาเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-Fi ที่ไม่สามารถใช้งานได้ คุณสามารถกดปุ่มปิดเครื่องและเปิดเครื่องของ Xiaomi 12 อีกครั้งเพื่อลองแก้ไขปัญหานี้

2. ตรวจสอบการเปิดใช้งาน Bluetooth และ Wi-Fi

ตรวจสอบว่าคุณได้เปิดใช้งาน Bluetooth และ Wi-Fi ในการตั้งค่าของ Xiaomi 12 หรือไม่ ให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อไร้สาย (Wireless) ได้รับอนุญาตและเปิดใช้งาน

3. ลบและเพิ่มอุปกรณ์ Bluetooth

หากคุณมีปัญหาในการเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์อื่น ๆ คุณสามารถลบอุปกรณ์นั้นออกจากรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ใน Xiaomi 12 แล้วเพิ่มอุปกรณ์อีกครั้ง

4. ลบและเชื่อมต่อ Wi-Fi

หาก Wi-Fi ไม่ทำงานอย่างถูกต้อง ลองลบเครือข่าย Wi-Fi และเชื่อมต่ออีกครั้ง โปรดตรวจสอบว่ารหัสผ่าน Wi-Fi ถูกต้องและว่าเครือข่าย Wi-Fi ที่คุณเลือกมีการเชื่อมต่อที่เพียงพอ

5. อัปเดตซอฟต์แวร์

ตรวจสอบว่าคุณได้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการ MIUI บางครั้งอัปเดตซอฟต์แวร์อาจช่วยแก้ไขปัญหาเชื่อมต่อได้

6. ตรวจสอบแอปพลิเคชันที่เปิดทำงานพร้อมกัน

มีแอปพลิเคชันบางรายที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเชื่อมต่อ Bluetooth หรือ Wi-Fi ให้คุณปิดแอปพลิเคชันเหล่านี้และลองเชื่อมต่ออีกครั้ง

7. ติดต่อศูนย์บริการ

หากคุณยังคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-Fi ได้ คุณควรติดต่อศูนย์บริการของ Xiaomi เพื่อให้ช่างมืออาชีพมาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้คุณ

บางครั้งปัญหาเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-Fi อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง แต่โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนดังกล่าวจะช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาและเชื่อมต่อให้กับ Xiaomi 12 ของคุณอย่างถูกต้อง หากยังคงมีปัญหาคุณควรพิจารณาการติดต่อศูนย์บริการเพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมค่ะ

อาการกล้องเสีย ซ่อมมือถือที่ไหนดี ปลอดภัย ข้อมูลไม่หาย

รวมรุ่นโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมใหม่ล่าสุด

ปัจจุบันนี้แบรนด์ Xiaomi ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าและราคาที่คุ้มค่า Xiaomi ได้สร้างความนิยมให้กับโทรศัพท์มือถือของตนที่ครบวงจรและครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ใช้งาน ดังนั้นเราจึงได้รวมรุ่นโทรศัพท์มือถือของ Xiaomi ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดมาฝากค่ะ

1.โทรศัพท์ Xiaomi 10

  • Xiaomi Mi 10
  • Xiaomi Mi 10 Pro

2.โทรศัพท์ Xiaomi 11

  • Xiaomi Mi 11
  • Xiaomi Mi 11 Pro
  • Xiaomi Mi 11 Ultra
  • Xiaomi Mi 11i
  • Xiaomi Mi 11 Lite

3.โทรศัพท์ Xiaomi 12

  • Xiaomi Mi 12
  • Xiaomi Mi 12X
  • Xiaomi 12 Pro

4.โทรศัพท์Xiaomi 13

  • Xiaomi 13T
  • Xiaomi 13T Pro

รุ่นโทรศัพท์มือถือ Xiaomi ทุกรุ่นตามที่กล่าวมา ได้รับการออกแบบอย่างลงตัว ด้วยความสวยงามและสเปกที่ทันสมัย นอกจากนี้ Xiaomi ยังมุ่งเน้นปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ผู้ใช้งานได้รับความพึงพอใจอย่างสูง ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด Xiaomi ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรักเทคโนโลยีและคุณภาพที่ดีในราคาที่คุ้มค่าค่ะ

Tech Avenue ร้านซ่อมมือถือ Xiaomi เชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมWi-Fi ไม่ได้

  • เราเป็นร้านซ่อมมือถือ Xiaomi โทรศัพท์มือถือ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ทุกอาการเสีย
  • เราสามารถแก้ไขปัญหา Xiaomi เชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมWi-Fi ไม่ได้
  • Tech Avenue ตั้งอยู่ในตึกฟอร์จูนทาวน์ ลูกค้าสามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ
  • เรายังใกล้กับห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างเซ็นทรัลพระรามเก้า, โรบินสันพระรามเก้า, IT City (ฟอร์จูนทาวน์), และ Lotus’s ฟอร์จูนทาวน์
  • Tech Avenue ยังเป็นร้านซ่อมมือถือที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือจากลูกค้าที่เคยใช้บริการมาแล้วเป็นจำนวนมาก
  • เรามีทีมช่างที่เชื่อถือได้และประสบการณ์ทำงานสูงที่ดูแลรักษาโทรศัพท์ Xiaomi ของคุณให้อยู่ในสภาพดีที่สุด
  • ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญมากกว่า 15 ปีในการซ่อมโทรศัพท์มือถือ
  • หากคุณกำลังเจอปัญหาโทรศัพท์มีอาการเสีย สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของเราได้เลยค่ะ

>> ติดต่อร้านซ่อมมือถือที่ดีที่สุด คลิกเลย

ส่งซ่อมมือถือ ง่ายๆผ่าน Grab เริ่มต้นเพียง 35.-

เนื้อหาเพิ่มเติม ที่น่าสนใจ

ปิดความเห็น บน ร้านซ่อมมือถือ Xiaomi 12 เชื่อมต่อ Bluetooth และเชื่อมWi-Fi ไม่ได้ ใกล้ฟอร์จูนทาวน์

ปี 2023 อัพเดท อาการเสีย iPhone ไอโฟน มีอะไรบ้าง

 

อัพเดท อาการเสียยอดนิยม ของ iPhone ไอโฟน ปี 2023 

อาการเสียที่พบบ่อยใน iPhone ประกอบด้วย:

1.หน้าจอเสียหรือแตก

อาจเกิดจากการกระแทกหรือตกของโทรศัพท์ หากหน้าจอแตกเสียหรือไม่ทำงานอย่างถูกต้อง จะต้องเปลี่ยนหน้าจอใหม่

2.แบตเตอรี่ไม่ดี

อาจเกิดจากการใช้งานอย่างต่อเนื่องหรือเวลาใช้งานนาน แบตเตอรี่อาจต้องเปลี่ยนใหม่

3.ปัญหาเครือข่าย

อาจเกิดปัญหาเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือไม่ได้ หรือสัญญาณ wifi ไม่เสถียร สาเหตุอาจเกิดจากปัญหาของโทรศัพท์หรือสภาพแวดล้อม

4.ปัญหากับการชาร์จ

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับสายชาร์จ หรือพอร์ตชาร์จบนโทรศัพท์ หากไม่สามารถชาร์จได้อย่างถูกต้อง อาจต้องเปลี่ยนอะไหล่ใหม่

5.ปัญหาด้านซอฟต์แวร์

อาจเกิดจากการใช้งานอย่างไม่ถูกต้องหรือเครื่องมืออื่นที่มีผลต่อระบบของ iPhone ให้เกิดปัญหา เช่น การติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่เหมาะสมหรือไวรัสที่เข้ามายังโทรศัพท์

6.ปัญหาเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูป

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเลนส์หรือเซ็นเซอร์กล้องถ่ายรูป ทำให้ภาพไม่ชัดเจน หรือไม่สามารถถ่ายภาพได้เลย อาจต้องเปลี่ยนอะไหล่ใหม่หรือซ่อมแซม

7.ปัญหาเกี่ยวกับระบบสัมผัส

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับหน้าจอสัมผัสหรือปุ่มโฮมไม่ทำงานอย่างถูกต้อง สาเหตุอาจเกิดจากการใช้งานอย่างไม่ถูกต้องหรือการสัมผัสอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม

8.ปัญหาเกี่ยวกับเสียง

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับสตรีมเสียงหรือไม่มีเสียงเลย อาจเกิดจากปัญหาของลำโพงหรือเสียงบลูทูธ อาจต้องเปลี่ยนอะไหล่หรือซ่อมแซม

9.ปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน Touch ID หรือ Face ID

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการสแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้าไม่ทำงานอย่างถูกต้อง สาเหตุอาจเกิดจากฝุ่นละอองหรือความชื้นในอากาศ หากไม่สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง อาจต้องนำเข้าบริการหรือเปลี่ยนอะไหล่

10.ปัญหาเกี่ยวกับเก็บข้อมูล

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลหรือการสำรองข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ สาเหตุอาจเกิดจากความจำเต็มหรืออุปกรณ์เสียหรือไม่ถูกต้อง

11.ปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น เช่น ไม่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ไร้สายได้ สาเหตุอาจเกิดจากการตั้งค่าไม่ถูกต้องหรือโปรแกรมไม่สมบูรณ์

12.ปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชัน

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชันที่ติดตั้งบน iPhone ไม่ได้อย่างถูกต้อง สาเหตุอาจเกิดจากการใช้งานอย่างไม่ถูกต้องหรือโปรแกรมไม่สมบูรณ์

13.ปัญหาเกี่ยวกับการอัปเดตซอฟต์แวร์

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการอัปเดตซอฟต์แวร์ไม่สมบูรณ์ สาเหตุอาจเกิดจากการตั้งค่าไม่ถูกต้องหรือเครื่องมืออื่นที่มีผลต่อระบบของ iPhone ให้เกิดปัญหา

14.ปัญหาเกี่ยวกับการแสดงผล

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการแสดงผลหรือความคมชัดของภาพ สาเหตุอาจเกิดจากเซ็นเซอร์หรือเลนส์ที่มีปัญหา

15.ปัญหาเกี่ยวกับการรีสตาร์ท

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการรีสตาร์ทที่ไม่สมบูรณ์หรือเครื่องไม่เปิดตัวอย่างถูกต้อง สาเหตุอาจเกิดจากการใช้งานอย่างต่อเนื่องหรือเครื่องมืออื่นที่มีผลต่อ

16.ปัญหาเกี่ยวกับการรับสัญญาณ GPS

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการรับสัญญาณ GPS ทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการสัญญาณ GPS ได้อย่างถูกต้อง

17.ปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึง Wi-Fi

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึง Wi-Fi หรือการเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ไม่ได้ สาเหตุอาจเกิดจากการตั้งค่าไม่ถูกต้องหรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม

18.ปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน Siri

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน Siri ไม่ได้อย่างถูกต้อง สาเหตุอาจเกิดจากการตั้งค่าไม่ถูกต้องหรือเครื่องมืออื่นที่มีผลต่อ Siri

19.ปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Bluetooth

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Bluetooth ไม่ได้ สาเหตุอาจเกิดจากการตั้งค่าไม่ถูกต้องหรือเครื่องมืออื่นที่มีผลต่อการเชื่อมต่อ Bluetooth

20.ปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสาร

อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารผ่านโทรศัพท์ไม่ได้ สาเหตุอาจเกิดจากปัญหาเครือข่ายหรือการตั้งค่าไม่ถูกต้อง

การแก้ไขปัญหาของ iPhone สามารถทำได้โดยการนำเข้าบริการหรือเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ โดยควรเลือกใช้บริการจากศูนย์ซ่อม iPhone ที่ได้รับการรับรองเพื่อป้องกันการเสีย

หากเจอปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ ไอโฟนของคุณ โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต การซ่อมที่ดีและปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์เหล่านี้คือการนำเครื่องไปซ่อมที่ร้านมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ ดังนั้น ในบทความนี้เราจะแนะนำวิธีการเลือกและตรวจสอบร้านซ่อมมืออาชีพที่เหมาะสมสำหรับการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

  1. ค้นหาข้อมูลและรีวิว: หากคุณมีปัญหากับอุปกรณ์ของคุณ คุณควรเริ่มต้นด้วยการค้นหาข้อมูลและรีวิวเกี่ยวกับร้านซ่อมออนไลน์ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเหล่านี้ได้จากเว็บไซต์ของร้านซ่อม หรือบนเว็บไซต์รีวิวออนไลน์
  2. ตรวจสอบประสบการณ์: คุณควรตรวจสอบประสบการณ์ของร้านซ่อมที่คุณสนใจ การดูที่ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจของร้านซ่อมและประสบการณ์ที่มีจะช่วยให้คุณมั่นใจในการเลือกใช้บริการของร้านนั้น
  3. ตรวจสอบการรับประกัน: คุณควรตรวจสอบว่าร้านซ่อมมีการรับประกันและมีการสนับสนุนหลังการขายหรือไม่ ร้านซ่อมที่มีการรับประกันการซ่อมและการสนับสนุนหลังการขายจะช่วยให้คุณมั่นใจในการใช้บริการของร้าน
  4. ตรวจสอบความเชี่ยวชาญ: คุณควรตรวจสอบความเชี่ยวชาญของร้านซ่อมก่อนเลือกใช้บริการ ร้านซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญในการซ่อมอุปกรณ์ของคุณจะช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของการซ่อม
  5. ตรวจสอบการให้บริการด้วยการเข้าไปติดต่อร้านซ่อม: คุณควรลองติดต่อร้านซ่อมและถามเรื่องการให้บริการ ร้านซ่อมที่ให้การให้บริการที่ดีและมีการตอบกลับอย่างรวดเร็วจะช่วยให้คุณมั่นใจในการเลือกใช้บริการของร้านนั้น
  6. ตรวจสอบความรวดเร็วในการซ่อม: คุณควรสอบถามร้านซ่อมเกี่ยวกับเวลาในการซ่อมอุปกรณ์ของคุณ ร้านซ่อมที่สามารถซ่อมอุปกรณ์ของคุณในเวลาสั้นๆ จะช่วยให้คุณมั่นใจในการซ่อมอุปกรณ์ของคุณ
  7. ตรวจสอบค่าใช้จ่าย: คุณควรสอบถามราคาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมอุปกรณ์ของคุณก่อนเลือกใช้บริการ คุณควรเลือกร้านซ่อมที่มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและไม่สูงเกินไป
  8. ตรวจสอบระยะเวลาการรับซ่อม: คุณควรสอบถามระยะเวลาในการรับซ่อมอุปกรณ์ของคุณกับร้านซ่อม ร้านซ่อมที่สามารถรับซ่อมอุปกรณ์ของคุณในระยะเวลาสั้นๆ จะช่วยให้คุณไม่ต้องรอนานเพื่อการซ่อม
  1. ตรวจสอบความปลอดภัย: คุณควรตรวจสอบว่าร้านซ่อมมีมาตรการความปลอดภัยที่เพียงพอหรือไม่ เช่น การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณและการป้องกันการแฮกเข้าสู่ระบบ
  2. ตรวจสอบการติดต่อกับลูกค้า: คุณควรสอบถามว่าร้านซ่อมมีการติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางใดบ้าง เช่น โทรศัพท์หรืออีเมล ร้านซ่อมที่มีการติดต่อกับลูกค้าอย่างมืออาชีพจะช่วยให้คุณมั่นใจในการเลือกใช้บริการของร้านนั้น
  3. ตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์และเครื่องมือ: คุณควรตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์และเครื่องมือที่ร้านซ่อมใช้ในการซ่อมอุปกรณ์ของคุณ ร้านซ่อมที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยและครบครันจะช่วยให้การซ่อมอุปกรณ์ของคุณเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

การเลือกร้านซ่อมมืออาชีพที่เหมาะสมสำหรับการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ด้วยการรับซ่อมจากร้านที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาก่อน จะช่วยให้การซ่อมอุปกรณ์ของคุณเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพสูง อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบและเปรียบเทียบร้านซ่อมต่างๆก่อนที่จะเลือกใช้บริการ เพื่อให้ได้รับการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยที่สุดสำหรับอุปกรณ์ของคุณ

ปิดความเห็น บน ปี 2023 อัพเดท อาการเสีย iPhone ไอโฟน มีอะไรบ้าง

โทรศัพท์ iPhone เสียงไม่ดัง เสียงไม่ออก ทำอย่างไรดี?

โทรศัพท์ iPhone เสียงไม่ดัง เสียงไม่ออก

ปัญหาเรื่องของ โทรศัพท์ iPhone เสียงไม่ดัง เสียงหายนั้น กลายเป็นเรื่องสามัญที่หลายคนอาจเคยเจอ เพราะโอกาสที่ใช้งานอยู่ดีๆ เสียงหายไปก็มีหรือบางที่เกิดจากอุบัติเหตุ ตกหล่น เปียกน้ำหรือไฟฟ้าลัดวงจรและอื่นๆ อีกหลายกรณีที่เป็นไปได้ ปัญหานั้นอาจเกิดจากระบบภายในเอง อย่างเช่น วงจรหรือชุดลำโพง รวมไปถึงเกิดจากสิ่งอุดตัน ช่องทางเสียงที่ออกมา ล้วนแต่ทำให้เกิดอาการไม่มีเสียงหรือเสียงหายได้เหมือนกัน เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว ก็ต้องหาทางออก เพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ แต่จะทำอย่างไรได้บ้าง ก็ต้องตรวจเช็คไปในทีละจุด ไปดูกันเลยว่าเราจะทำอย่างไรกันได้บ้าง

ตรวจเรื่องการตั้งค่าเสียงบน โทรศัพท์ของคุณ

เป็นสิ่งที่ควรทำตั้งแต่เริ่มต้นในการเช็คความผิดปกติของโทรศัพท์ที่ไม่มีเสียง เสียงหาย โดยกรณีที่ไม่มีเสียงเลย ให้ลองเข้าไปดูสไลด์บาร์ใน Control Center ว่ามีแถบเลื่อนอยู่หรือไม่ ลองเลื่อนให้ไปที่แถบสไลด์ ว่าปรับได้ตามปกติหรือไม่ รวมถึงกดปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจากด้านข้างของมือถือ เพื่อดูว่าระดับเสียงถูกลดลงไปจนไม่มีเสียงหรือเสียงเบาหรือไม่ และตรวจเช็คการทำงานของปุ่มว่าทำงานได้ตามปกติ แต่ถ้ากดปุ่มแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นั่นก็หมายถึงเกิดความเสียหายที่ปุ่มควบคุมและหาทางแก้ไขต่อไป

ลองตรวจดูว่ามีการเชื่อมต่ออุปกรณ์อยู่หรือไม่

ในบางครั้งคุณอาจจะเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นอยู่อย่างเช่น การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บลูทูธ ไม่ว่าจะเป็น ลำโพงหรือหูฟังบลูทูธก็ตาม เพราะบางครั้งเมื่อเชื่อมต่อไปแล้ว ไม่ได้มีการ Disconnect ก็จะไม่มีเสียงเกิดขึ้นที่มือถือ แต่จะไปดังที่ปลายทางแทน ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายๆ คนมักจะลืมไป เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้กันบ่อยยิ่งขึ้นในปัจจุบัน บางคนใช้หูฟังอยู่บนรถ แต่ทิ้งเอาไว้ในรถหรือบางทีเปิดลำโพงบลูทูธอยู่ในห้องนอน แล้วออกมารับสายนอกบ้าน การที่ยังเชื่อมต่ออยู่ ก็ทำให้เสียงออกที่ลำโพงในห้องเช่นกัน วิธีการแก้ไขก็เพียงเข้าไปที่การเชื่อมต่อ Bluetooth ที่อยู่ใน Setting หรือแตะไปที่ไอคอนที่หน้า Control Center เพื่อปิดการทำงานเท่านั้น

ตรวจเช็คเรื่องความสะอาดลำโพง

คุณควรลองตรวจดูว่ามีความผิดปกติที่ลำโพงหรือไม่ เช่น วัสดุ เศษฝุ่นหรือสิ่งตกค้างต่างๆ เพราะบางครั้งการใส่เคสเอาไว้นานๆ ก็มีเศษผงติดเข้ามาบ้าง บางทีเจอความชื้นหรือละอองน้ำเข้าไป โอกาสที่จะทำให้เกิดการอุดตันตามช่องลำโพงก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ในจุดนี้ส่วนใหญ่ จะเกิดอาการเสียงไม่ชัดเบาลงหรืออาการหนักคือ เสียงแปลกหรือเสียงแตก หากตรวจพบก็ให้ทำความสะอาดแต่เนิ่นๆ

ด้วยการใช้แปลงทำความสะอาดขนนุ่ม ขนาดเล็กมาปัดฝุ่นออก จากนั้นลองตรวจเช็คเสียงอีกครั้งและหมั่นตรวจดูให้บ่อยขึ้น เพราะหากเกิดสิ่งเหล่านี้มากขึ้น

เกิดจากความเสียหายภายในระบบ

อาการมักจะเกิดหลังจากมีการกระทบกระแทกหรือเกิดจากหล่นน้ำและความชื้นที่ สะสมมากเกินไปภายในมือถือ จนทำให้เกิดการลัดวงจร เช่น หล่นน้ำหรือกระแทกอย่างรุนแรง แล้วมีการเปิดใช้งานในทันทีหรือมีอุปกรณ์และเศษอื่นใด เข้าไปทำอันตรายภายในมือถือ ก็ทำให้เกิดความเสียหาย เสียงไม่ออกหรือเสียงเพี้ยนได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องส่งซ่อมเท่านั้น เพราะผู้ให้บริการที่จำหน่ายบางรายก็ยกเว้นความเสียหายที่นอกเหนือจากการใช้ งานปกติหรือใช้งานผิดประเภท เปียกน้ำ นั่นก็ทำให้หมดประกันได้ คุณก็ควรเลือกร้านที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญทางด้านมือถือโดยตรงด้วยนะ เพื่อให้จบปัญหาที่แท้จริง


ส่งศูนย์บริการหรือร้านซ่อมโทรศัพท์ที่น่าเชื่อถือ

สำหรับช่างซ่อมนั้นก็มีอยู่มากมายดังนั้นคุณควรเลือกร้านหรือทางช่างที่มีความน่าเชื่อถือมีประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้โดยตรง เช่น ร้าน Tech Avenue อาคารฟอร์จูนทาวน์ เพราะทางร้านมีช่างที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้โดยตรง ผ่านการทำงานมามากกว่า 15 ปี และมีการอบรมให้ทันต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดเวลา คุณจึงมั่นใจได้ว่าเมื่อนำ iPhone เสียงไม่ดัง ของคุณไปที่ร้านนี้ จะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน จริงๆ แล้วให้รีบนำส่งร้านซ่อมที่สามารถซ่อมแซมปัญหานี้ได้และอยู่ใกล้บ้านจะดีที่สุด

ส่งซ่อมมือถือ ง่ายๆผ่าน Grab เริ่มต้นเพียง 35.-


ซ่อมมือถือ แถว มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ร้านไหนดี บริการซ่อมดีที่สุด


มือถือพัง ทำไม..ต้องซ่อมที่ TECH AVENUE (เทคอเวนิว)ถึงดีที่สุด





ปิดความเห็น บน โทรศัพท์ iPhone เสียงไม่ดัง เสียงไม่ออก ทำอย่างไรดี?

โทรศัพท์ iPhone แบตเสื่อม แบตบวม เปลี่ยนแบตที่ไหนดี

โทรศัพท์ iPhone แบตเสื่อม แบตบวม เปลี่ยนแบตที่ไหนดี

ปัญหาโทรศัพท์ iPhoneแบตเตอรี่เสื่อม หรือ แบตเตอรี่บวม เชื่อว่าเป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะเคยเจอกันมาบ้าง และคุณสงสัยกันไหมว่ามันเกิดจากอะไร แล้วต้องแก้ไขอย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบกัน แบตเตอรี่มือถือนั้น ถือว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญสำหรับโทรศัพท์มือถือ ส่วนมากจะมี 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ แบตเตอรี่ลิเธียมโพลีเมอร์ และ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งจำเป็นต้องมีการดูแลรักษาอย่างดี เพราะมีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อไรก็ตามที่เริ่มเสื่อมสภาพ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายขึ้นได้ เช่น เครื่องพัง หน้าจอ ปุ่มกดเสียหาย ไปจนถึงตัวเครื่องไหม้หรือระเบิด เป็นต้น ฟังดูแล้วไม่น่าใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่หลายคนคิดเลยใช่ไหมล่ะ ว่าแต่สาเหตุของการบวมเกิดจากอะไร และมีวิธีสังเกตอย่างไรได้บ้างนะ ? ไปดูกันเลย

แบตเตอรี่มือถือบวม เกิดจากอะไรได้บ้าง

1.  แบตเตอรี่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน

สาเหตุนี้พบได้ในโทรศัพท์มือถือที่มีอายุตั้งแต่ 2-3 ปีขึ้นไป จะเริ่มมีอาการเสื่อมสภาพตามการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้ประสิทธิภาพการเก็บประจุไฟของแบตเตอรี่ลดลง สังเกตได้จากแบตเตอรี่เริ่มหมดเร็วขึ้นจนผิดสังเกต นั่นคืออาการของแบตเตอรี่ที่เริ่มเสื่อมแล้วนั่นเอง

2.  การเล่นมือถือไปด้วย ชาร์จไปด้วย

สำหรับนิสัยการชาร์จมือถือและใช้งานไปพร้อมกัน หากทำนาน ๆ ครั้งก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ถ้าทำบ่อย ๆ อาการแบตเตอรี่เสื่อมก็จะถามหา อาจส่งผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น และนำไปสู่อาการแบตเตอรี่บวมได้ง่าย ๆได้เช่นกัน

3.  อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่หรือปลั๊กไฟไม่ได้มาตรฐาน

หลายครั้งที่ปัญหาแบตเตอรี่บวมหรือเสื่อมไม่ได้มาจากตัวแบตเตอรี่ แต่อาจมาจากการใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่หรือเต้าเสียบที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่มีสวิตช์เปิด-ปิดไฟ หรือการถอดที่ชาร์จแบตเตอรี่ขณะชาร์จไฟ ก็มีสิทธิ์ทำให้เกิดอาการไฟกระชาก และส่งผลต่อแบตเตอรี่เช่นกันนะ

4.  การใช้แบตเตอรี่ปลอม

หากใครเคยนำมือถือไปเปลี่ยนแบตฯ ใหม่ และหันไปใช้แบตเตอรี่ปลอมหรือแบตเตอรี่ราคาถูกแทน นี่ก็เป็นอีกสาเหตุแห่งความเสี่ยงเช่นกัน ทางที่ดีคุณควรเลือกแบตเตอรี่ยี่ห้อที่เชื่อถือได้ และมีมาตรฐาน มอก. ในการจัดจำหน่ายจะดีมากกว่าเพื่อความปลอดภัยกับตัวคุณเองด้วยนะ


แบตเตอรี่มือถือบวม อันตรายอย่างไร

สำหรับอันตรายจากการใช้งานมือถือแบตเตอรี่เสื่อมหรือบวม เริ่มจากความเสียหายในส่วนอื่น ๆ ของเครื่อง เช่น หน้าจอ ฝาหลังโก่งและงอ ปุ่มกดใช้งานไม่ได้ เพราะแบตเตอรี่บวมจนดันส่วนประกอบภายใน ถ้าปล่อยไว้และยังใช้งานต่อไปเรื่อย ๆ  มีโอกาสสูงที่ตัวเครื่องจะไหม้หรือระเบิด หากไม่อยากเจอเหตุการณ์นี้กับตัว ควรหยุดใช้มือถือเครื่องนั้นโดยด่วนเลยนะ

iPhone แบตเตอรี่มือถือบวม หรือเสื่อมสภาพ

เมื่อคุณทราบว่ามือถือของคุณแบตเตอรี่บวมแน่นอน ทางแก้ปัญหา คือ ปิดเครื่อง ห้ามชาร์จไฟ และนำเครื่องไปเปลี่ยนแบตเตอรี่มือถือเป็นของใหม่ ให้เลือกใช้แบตเตอรี่จากศูนย์บริการของแบรนด์นั้น ๆ หรือเลือกแบตเตอรี่ที่มีมาตรฐาน ยี่ห้อไว้ใจได้ ผ่านการรับรองจาก มอก. เราแนะนำให้คุณหาร้านที่มีการรับประกันการซ่อม ด้วยจะดีมากเลยนะ เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย โดยหากพบว่ามือถือซ่อมแล้วยังมีปัญหาและอยู่ภายในระยะเวลาการรับประกันก็สามารถนำมาเคลมได้นั้นเอง

ถ้าสนใจส่ง ร้านซ่อม iPhone ได้ทุกอาการ ทุกยี่ห้อ และทุกรุ่นของ iPhone กับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น ๆ ขอแนะนำร้าน Tech Avenue ที่คุณสามารถส่งเครื่องซ่อมได้จากทั่วไทย ไม่ว่าคุณจะอยู่จังหวัดใดก็ตาม เพียงส่งมาที่อาคารฟอร์จูนทาวน์ แล้วติดต่อช่างโดยตรงได้ที่เบอร์ 097-249-6429  เพื่อพูดคุยอาการของเครื่องเบื้องต้นและประเมินราคาเบื้องต้นก่อน ทั้งยังสามารถติดต่อช่างได้ที่ LINE และ Facebook ติดตามรายละเอียดของการติดต่อเพื่อส่งซ่อมได้เลย



ซ่อมมือถือ แถว ลาดพร้าว ร้านไหนดี


มือถือพัง ทำไม..ต้องซ่อมที่ TECH AVENUE (เทคอเวนิว)ถึงดีที่สุด





เนื้อหาเพิ่มเติม ที่น่าสนใจ

ปิดความเห็น บน โทรศัพท์ iPhone แบตเสื่อม แบตบวม เปลี่ยนแบตที่ไหนดี

โทรศัพท์ iPhone ตกน้ำ น้ำหกใส่ ต้องทำยังไงดี

โทรศัพท์ iPhone ตกน้ำ น้ำหกใส่ ทำยังไงดี

ไม่ว่ามือถือจะแข็งแรงทนทานขนาดไหน หากเป็นรุ่นที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้กันน้ำ ‘น้ำ’ ก็ถือเป็นจุดอ่อนของมือถือเสมอ ถ้าโทรศัพท์ iPhone ตกน้ำ น้ำหกใส่ ซึ่งจะมีผลกับพอร์ตการใช้งาน ช่องแจ๊คเสียบหูฟัง และลำโพงทันที นอกจากนี้ น้ำจะไหลไปยังแผงวงจรทำให้เกิดพลังงานความร้อนสูงกว่าปกติจนเกิดอาการไหม้อีกด้วย

เรื่องหนึ่งที่ควรรู้ไว้ก็คือ ประเภทของน้ำที่ตกลงไป

ถึงแม้ว่าการทำโทรศัพท์ iPhone ตกส้วมอาจจะดูสกปรกอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่แย่จริงๆ คือการให้มือถือที่ไม่ได้กันน้ำไปสัมผัสกับน้ำทะเล เพราะน้ำเค็มมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนมากกว่าน้ำจืดมาก เปอร์เซ็นต์การพ้นขีดอันตรายแก่ชีวิตของมือถือก็จะต่ำลงไปอีก

สิ่งที่ควรจะรีบทำเมื่อโทรศัพท์ iPhone ตกน้ำ

ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุมือถือตกน้ำ ที่ต้องท่องให้ขึ้นใจก่อนจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งสิ่งที่ควรปฏิบัติ ก็เป็นวิธีการโดยทั่วไปที่เข้าใจไม่ยาก แต่สิ่งที่สำคัญก็คือข้อห้ามต่างๆ ที่ควรรู้เอาไว้ เพราะข้อห้ามส่วนใหญ่แล้ว ล้วนเป็นความเข้าใจผิดที่หลายๆ คนยังทำกันอยู่ทั้งสิ้น

ขั้นตอนการปฐมพยาบาลมือถือเบื้องต้น

  1. รีบปิดมือถือ รวมทั้งนำสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่ติดอยู่กับมือถือออกให้หมด
  2. เช็คทุกพื้นผิวให้สะอาดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์และเจลทำความสะอาด
  3. ทำให้มือถือแห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้น
  4. ถอดทุกอย่างออก ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ถ้าถอดได้ ซิมการ์ด หรือสายหูฟังอุปกรณ์ต่างๆ
  5. ตั้งมือถือไว้ในแนวตั้ง ถ้าถอดแบตเตอรี่ออกไม่ได้

สิ่งที่ห้ามทำ เมื่อโทรศัพท์ iPhone ตกน้ำ

  1. ห้ามอบมือถือด้วยไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะมือถือไม่ใช่อาหาร และเสี่ยงต่อไฟไหม้อีกด้วย
  2. ห้ามนำมือถือไปแช่ช่องแข็ง เมื่อน้ำแข็งละลาย ก็กลายเป็นน้ำเข้าไปในมือถืออยู่ดี
  3. ห้ามใช้ไดร์เป่าผม เป่าน้ำให้แห้งเด็ดขาด เนื่องจากความร้อนจากไดร์ จะทำให้แผงวงจรไหม้ได้
  4. ห้ามใช้ไอร้อนจากเครื่องทำความร้อนต่างๆ ทำให้แห้ง เนื่องจากความร้อนไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็มีสิทธิ์ทำให้แผงวงจรไหม้ได้เหมือนกัน
  5. ห้ามนำไปแช่ข้าวสาร แม้จะมีความเชื่อว่าข้าวสารจะช่วยดูดความชื้น แต่ผลการวิจัยก็ออกมาว่า มันก็ไม่ได้เร็วพอที่จะช่วยชีวิตมือถือจากการกัดกร่อนของน้ำอยู่ดีนะ

ส่งศูนย์บริการหรือร้านซ่อมโทรศัพท์ที่น่าเชื่อถือ

เนื่องจากการจะทำให้มือถือแห้งด้วยตัวเอง จริงๆ แล้วนั้น เราไม่สามารถทำได้ดีมากเท่าไหร่ เพราะจุดที่น้ำไปสร้างความเสียหาย อยู่ในส่วนของมือถือที่ปกติแล้วผู้ใช้งานอย่างเราๆ เข้าไปไม่ถึง เราแนะนำให้คุณส่งหามืออาชีพให้เค้าดูแลให้เราจะดีกว่า และดูเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกับมือถือสุดที่รักของเรามากที่สุด เพราะถ้าวงจรของมือถือไหม้ไปเรียบร้อยแล้ว (เปิดไม่ติด) ลองเช็คประกันสินค้าก่อนเลย ถ้ายังไม่หมดและเงื่อนไขประกันครอบคลุมเรื่องความเสียหายจากน้ำก็ถือว่ารอดตัวไป แต่ถ้าไม่มีประกันใดๆ ก็แน่นอนว่า ต้องเสียค่าซ่อม ค่าอะไหล่กันไปตามขั้นตอน แต่ถ้ามือถือยังเปิดติด ก็ถือว่าโชคดีที่แผงวงจรยังไม่เสียหาย ถ้ามีอาการข้างเคียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ซ่อมตามร้านหรือศูนย์บริการได้ตามสะดวก เราแนะนำให้คุณมองหาร้านที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงด้วยนะและมีความน่าเชื่อถือไว้ใจได้ด้วย ไม่งั้นคุณอาจจะต้องเสียที่มือถือเนื่องจากการแกะเครื่องที่ไม่เชี่ยวชาญหรืออาจจะได้จ่ายค่าซ่อมหรือค่าทำความสะอาดที่เกิดความจริงไปมากนั้นเอง

สำหรับช่างซ่อมนั้นก็มีอยู่มากมายดังนั้นคุณควรเลือกร้านหรือทางช่างที่มีความน่าเชื่อถือมีประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้โดยตรง เช่น ร้าน Tech Avenue อาคารฟอร์จูนทาวน์ เพราะทางร้านมีช่างที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้โดยตรง ผ่านการทำงานมามากกว่า 15 ปี และมีการอบรมให้ทันต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดเวลา คุณจึงมั่นใจได้ว่าเมื่อนำ iPhone ของคุณไปที่ร้านนี้ จะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน จริงๆ แล้วให้รีบนำส่งร้านซ่อมที่สามารถซ่อมแซมปัญหานี้ได้และอยู่ใกล้บ้านจะดีที่สุด

ส่งซ่อมมือถือ ง่ายๆผ่าน Grab เริ่มต้นเพียง 35.-


ซ่อมมือถือ แถว มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ร้านไหนดี บริการซ่อมดีที่สุด


มือถือพัง ทำไม..ต้องซ่อมที่ TECH AVENUE (เทคอเวนิว)ถึงดีที่สุด





เนื้อหาเพิ่มเติม ที่น่าสนใจ

ปิดความเห็น บน โทรศัพท์ iPhone ตกน้ำ น้ำหกใส่ ต้องทำยังไงดี

iPhone เชื่อมต่อ WIFI หรือเล่นเน็ตไม่ได้ ทำอย่างไรดี

iPhone เชื่อมต่อ WIFI หรือเล่นเน็ตไม่ได้

หากตอนนี้คุณกำลังประสบพบเจอกับปัญหา โทรศัพท์ iPhone เชื่อมหา WIFI ไม่เจอ หรือ มือถือ แท็บเล็ตของคุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ วันนี้เรามีวิธีการง่ายๆ ที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ซึ่งวิธีที่ว่านี้ได้รวบรวมมาจากประสบการณ์ปัญหาที่ทางเราเองมักพบเจอจากการดูแลลูกค้าของเราอยู่บ่อยๆ มาฝากกัน ซึ่งบางครั้งปัญหาเหล่านี้อาจจะเกิดได้มาจากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 สาเหตุหลักๆ ดังนี้

สาเหตุ iPhone หา WIFI ไม่เจอ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้

  1. เกิดจากระบบซอร์ฟแวร์ (Software) ของเครื่องเกิดบัคหรือค้างหรือไปเผลอตั้งค่าผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

วิธีแก้ปัญหากรณีดังกล่าวมีหลายข้อดังนี้

  1. ให้คุณตรวจสอบมือถือก่อนว่าได้ไปเผลอเปิด “โหมดเครื่องบิน” ไว้รึเปล่า ซึ่งถ้าเปิดโหมดนี้ไว้ โทรศัพท์ของคุณจะไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ ซึ่งถ้าเปิดไว้ก็ไปทำการปิดได้เลย อินเทอร์เน็ตก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
  2. ให้คุณลองรีสตาร์ทอุปกรณ์ (ปิด-เปิด เครื่องใหม่) ซึ่งบางครั้งอาจฟังดูเป็นวิธีง่ายๆ แต่บางครั้งก็ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดของการเชื่อมต่อได้นะ
  3. เปิดเมนูไปที่ “การตั้งค่า” จากนั้น ไปที่ ระบบไร้สายและเครือข่าย หรือ “การเชื่อมต่อ” จากนั้นไปที่เมนู อินเทอร์เน็ตมือถือ หรือข้อมูลเครือข่ายมือถือ บนอุปกรณ์บางรุ่น คุณอาจต้องเลือก “ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ต” ก่อนจึงจะเห็นเมนู เปิดเน็ตมือถือ หากเปิดอยู่แล้ว ให้ลองปิดแล้วเปิดอีกครั้ง
  4. ลองทำการ Hard Reset มือถือ ดู โดยการกดปุ่ม ลดเสียงค้างไว้ + ปุ่ม Power จากนั้นเครื่องจะทำการรีสตาร์ทใหม่อีกครั้ง
  5. กด คืนค่าอุปกรณ์จากโรงงาน แต่เมื่อใช้วิธีนี้โทรศัพท์จะทำการรีเซตการตั้งค่าทุกอย่างที่เราตั้งเองกลับไปสู่การตั้งค่าที่มาจากโรงงาน (เหมือนกับตอนซื้อเครื่องมาใหม่ๆ) กรณีนี้ทางเราแนะนำให้คุณสำรองข้อมูลเครื่องไว้ก่อนด้วยนะ เพราะข้อมูลบางอย่างจะถูกลบไปด้วยนั่นเอง
  6. Role Back กลับไปสู่ OS เวอร์ชันก่อนหน้าจากการอัปเดตซอร์ฟแวร์รุ่นล่าสุดของเรา กรณีนี้เกิดจากการอัปเดตซอร์ฟแวร์ใหม่ แล้วตัวซอร์ฟแวร์นั้นมีปัญหานั่นเอง
  7. เกิดจากตัวปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ตเอง เช่น Router

วิธีแก้ปัญหากรณีดังกล่าวมีหลายข้อดังนี้

  1. ให้คุณลองตรวจสอบว่าโทรศัพท์เครื่องอื่นๆ สามารถเชื่อมต่อกับ WIFI ได้หรือไม่ หากมีเพียงเครื่องของคุณที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ก็แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ปัญหาจะเกิดจากมือถือของคุณเอง แต่หากคนอื่นๆ ก็ไม่สามารถเชื่อมต่อได้แสดงว่า อาจจะเป็นที่ตัว Router ที่เสีย หรือ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นๆ อาจจะขัดข้องอยู่ก็ได้
  2. ให้คุณลองรีสตาร์ท (ปิด – เปิด) ตัว Router โดยให้ไปกดปิดไว้ซัก 20 วินาที แล้วทำการกดเปิดใหม่ จากนั้นให้คุณลองเชื่อมต่อ WIFI ดูอีกครั้งว่าสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่
  3. ลองตรวจสอบสายเชื่อมต่อที่เข้าสู่ Router ของคุณดูก่อน เช่น สายแลน หรือ สาย Fiber Optic ว่าได้หลวม หลุด หรือชำรุดอยู่หรือไม่
  4. เกิดจากฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์เสียหายหรือชำรุด

กรณีนี้เกิดจากตัวเครื่องโทรศัพท์ของคุณเอง ซึ่งคุณสามารถทดสอบเองได้ง่ายๆ โดยหา WIFI ตัวอื่นๆ แล้วลองเชื่อมต่อดู ซึ่งถ้าหากเชื่อมไม่ได้เหมือนกัน หรือหา WIFI อื่นๆ ไม่เจอเลย แสดงว่าเครื่องของคุณนั้นอาจจะชำรุดหรือเกิดปัญหาภายในเครื่องแล้วนั่นเอง ซึ่งกรณีนี้ทางเราแนะนำให้คุณ นำมือถือเข้าศูนย์บริการ หรือร้านซ่อมที่น่าเชื่อถือตรวจสอบให้จะดีที่สุดเนื่องจากมีหลายร้านให้เลือก การเลือกร้านที่มีคุณภาพและประสบการณ์การทำงานมานานนั้นจะมีความน่าเชื่อถือกว่าร้านที่เปิดใหม่นั้นเอง

ถ้าสนใจส่ง ร้านซ่อม iPhone ได้ทุกอาการ ทุกยี่ห้อ และทุกรุ่นของ iPhone กับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น ๆ ขอแนะนำร้านซ่อมมือถือ Tech Avenue ที่คุณสามารถส่งเครื่องซ่อมได้จากทั่วไทย หรือติดต่อช่างโดยตรงได้ที่เบอร์ 097-249-6429  เพื่อพูดคุยอาการของเครื่องเบื้องต้นและประเมินราคาเบื้องต้นก่อน ทั้งยังสามารถติดต่อช่างได้ที่ LINE และ Facebook ติดตามรายละเอียดของการติดต่อเพื่อส่งซ่อมได้เลย

ซ่อมมือถือ แถวโซนดินแดง ร้านไหนดี ราคาไม่แพง บริการดีมาก



ซ่อมมือถือ แถว มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ร้านไหนดี บริการซ่อมดีที่สุด


มือถือพัง ทำไม..ต้องซ่อมที่ TECH AVENUE (เทคอเวนิว)ถึงดีที่สุด





ปิดความเห็น บน iPhone เชื่อมต่อ WIFI หรือเล่นเน็ตไม่ได้ ทำอย่างไรดี

โทรศัพท์ iPhone ปุ่มกดไม่ได้ กดไม่ลง แก้ไขยังไง

โทรศัพท์ iPhone ปุ่มกดไม่ได้ กดไม่ลง ทำยังไงดี

ถึงแม้ว่าปัจจุบันปุ่มบนมือถือจะเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ แต่มือถือส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องใช้ปุ่มอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดหรือเปิดหน้าจอ รวมทั้งปุ่ม Volume สำหรับปรับระดับเสียง ซึ่งในบางครั้งปุ่มก็อาจมีปัญหากดไม่ติด หรือกดบ่อย ๆ จนปุ่มเสีย จะรีสตาร์ตเครื่องก็กดไม่ได้ น่าจะเป็นปัญหาที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายๆ ท่าน คงจะเคยเจอะเจอมากันบ้างแล้ว กับอาการ เครื่องเอ๋อ เครื่องค้าง ที่สามารถเกิดขึ้นได้ วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาโทรศัพท์ปุ่ม Power iPhone กดไม่ได้ แบบเบื้องต้นมาฝากกัน ถ้าสามารถแก้ปัญหาเองได้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปส่งศูนย์ซ่อมเลย

1.  เช็กว่าปุ่มกดโทรศัพท์เสียจริง ๆ หรือไม่

ก่อนอื่นเลยคุณต้องเช็คให้แน่ใจเสียก่อนว่าปุ่มนั้นเสียจริง ๆ หรือว่าเป็นปัญหาจากซอฟต์แวร์ ด้วยการรีสตาร์ตเครื่อง หากปุ่ม Power iPhone กดไม่ได้

  • ให้โหลดแอปพลิเคชัน Android Accessibility Suite มาใช้
  • โดยให้ติดตั้งแอปพลิเคชันแล้วเข้าไปที่ Settings > Accessibility เพื่อสร้าง Shortcut แทนปุ่ม Power บนหน้าจอ
  • และให้แตะที่ตัวเลือก Power Off ค้างไว้เพื่อให้มือถือเข้าสู่ Safe Mode
  • แล้วทดลองกดปุ่มดูว่าใช้ได้หรือไม่
  • หรือจะใช้แอปพลิเคชัน TestM เพื่อทดสอบปุ่มก็ได้เช่นกัน

ถ้าหากพบว่าปุ่มไม่ได้แต่เสียแต่เกิดปัญหาจากซอฟต์แวร์ ก็ให้ลองลบแอปพลิเคชัน ที่เพิ่งติดตั้งล่าสุดก่อนที่ปุ่มจะมีปัญหาดู โดยเฉพาะแอปพลิเคชัน ที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปุ่มไม่ทำงานก็ได้ หรืออาจจะใช้ทางสุดท้ายคือสั่ง Factory Reset เครื่องเสียเลย

2.  ทำความสะอาดปุ่ม

บริเวณร่องข้าง ๆ ปุ่มนั้นถือว่าเป็นจุดที่มีฝุ่นและคราบต่าง ๆ หมักหมมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลให้ปุ่มกดไม่ค่อยติดได้ และการทำความสะอาดนั้นก็อาจจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง

  • โดยให้ใช้ที่เป่าลมเป่าตามร่อง
  • หรือใช้ไม้จิ้มฟันแคะฝุ่นออกมาเท่าที่สามารถทำได้
  • จากนั้นให้ลองกดปุ่มดูใหม่ว่าใช้ได้หรือยัง

3.  ทำปุ่มเสมือนมาใช้แทน

ถึงแม้ว่าปุ่มจะเสียจริง ๆ แต่ถ้ายังไม่ว่างไปส่งซ่อมหรือยังไม่อยากซ่อม ก็สามารถทำปุ่มเสมือนบนหน้าจอมาใช้แทนได้เช่นกัน

  • ด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชัน Android Accessibility Suite ตามที่ได้กล่าวไว้ในข้อ 1
  • ถ้าใช้ Android 9 ขึ้นไปจะมีติดเครื่องอยู่แล้ว
  • จากนั้นให้เข้าไปที่ Settings > Accessibility จะสามารถตั้งค่าให้แสดงปุ่มเสมือนแทนปุ่ม Power, Volume และปุ่มอื่น ๆ บนหน้าจอได้

หากทำมาทั้งหมดแล้ว ยังใช้ไม่ได้เราแนะนำให้ส่งซ่อมเถอะ

ถ้าหากลองทุกวิธีแล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หรือยังทำให้ปุ่มใช้งานได้ดั่งใจไม่สำเร็จ หนทางสุดท้ายก็คือส่งซ่อมที่ศูนย์บริการหรือร้านที่คุณสามารถไว้ใจได้ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและระยะเวลาการรับประกันของแต่ละแบรนด์ ถ้าจะเข้าร้านเราแนะนำให้คุณเลือกร้านที่มีประสบการณ์ทำงานทางด้านมือถือเนื่องจากจะมีทีมงานและทีมช่างที่เป็นผู้เชี่ยวชาญไว้คอยดูแลคุณได้อย่างตรงจุดนั้นเอง

แต่อย่างไรก็ตามใครหลายคนก็จะไม่ชินหรือเกิดความไม่สบายใจ การที่มีเครื่องที่ปกติครบสมบูรณ์นั้นคือการที่ใครหลายคนต้องการ ดังนั้นการมองหาร้านซ่อมที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้นั้นจึงเป็นอีกหนึ่งทางออกสำหรับใครหลายๆคน ร้าน Tech Avenue อาคารฟอร์จูนทาวน์ ของเรา รับซ่อมโทรศัพท์ iPhone ทุกอาการ ไม่ว่าจะเป็นอะไรมา เราสามารถช่วยเหลือคุณได้เสมอ ดูแลด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ เปิดให้บริการมาไม่ต่ำกว่า 15 ปี ดังนั้นเราจึงมีรีวิวมากมายทั้งจากลูกค้าเก่าและใหม่ ที่ให้ความไว้วางใจให้เราได้ดูและช่วยให้โทรศัพท์มือถือและ iPhone ของคุณกลับมาใช้งานได้อย่างเป็นปกติอีกครั้ง คุณสามารถโทรเข้ามาสอบถามหรือปรึกษาอาการของโทรศัพท์ของคุณก่อนได้ที่เบอร์ติดต่อ : 097 – 249 6429 ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายๆใดๆทั้งสิ้น เรายินดีให้คำปรึกษาทุกข้อสงสัยของคุณ



ซ่อมโทรศัพท์ แถว สี่แยกห้วยขวาง ร้านไหนดี ซ่อมเองไม่ส่งต่อ


มือถือพัง ทำไม..ต้องซ่อมที่ TECH AVENUE (เทคอเวนิว)ถึงดีที่สุด





ปิดความเห็น บน โทรศัพท์ iPhone ปุ่มกดไม่ได้ กดไม่ลง แก้ไขยังไง